เหตุผลที่คนเล่นเกมเพราะอะไร?.. ส่วนหนึ่งก็ย่อมมีจุดประสงค์ที่จะเติมเต็มความต้องการในชีวิตจริง โดยเฉพาะเกมฟุตบอลยิ่งเป็นเกมที่ทำให้ความฝันลุกโชนอย่างที่สุด
ได้สร้างทีมที่รัก ได้ปั้นนักเตะที่ชอบ และเติมเต็มจินตนาการด้วยการวมเอานักเตะที่โดนใจมาใส่รวมในทีมเดียว.. เมื่อเราถือจอย เราคือพระเจ้าแห่งเกมทันที อยากจะเอานักเตะคนไหนยิงประตูก็ย่อมได้ เพราะเกมย่อมตอบสนองความต้องการในสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ในโลกแห่งความจริงอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ลิโอเนล เมสซี่ คือ 1 ในข้อยกเว้น ที่ไม่ว่าจะค่ายเกมใดก็ไม่สามารถ "สร้าง" ตัวละครของเขาขึ้นมาให้เก่งกว่าตัวจริงได้.. ทั้งที่เกมควรจะเว่อร์กว่าชีวิตจริง แต่ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ติดตามได้ที่นี่
มาตรฐานมนุษย์ต่างดาว
ลิโอเนล เมสซี่ คือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกและในประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย การันตีด้วยแชมป์และรางวัลส่วนตัวมากมาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาถูกยกย่องแบบไร้ข้อโต้แย้งหาใช่รางวัลต่างๆที่ได้มา แต่มันเกิดขึ้นเพราะเมื่อเขาลงสนามความมหัศจรรย์ก็จะบังเกิด.. ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ดูถ่ายทอดสด หรือได้เห็นเมสซี่เล่นฟุตบอลกับตาแล้ว ก็ต้องอดใจที่จะร้อง "อู้หู" จากจังหวะเกินคาดที่เขาทำแน่นอน
เมสซี่เหมือนกับเป็นเครื่องจักรผลิตสกอร์ (หลังๆทำได้ทุกอย่างในแนวรุก) ที่ใส่ชิปพิเศษไว้ในแบบที่ใครก็ยากจะเลียนแบบ จังหวะเลี้ยงบอลที่เร็วเหมือนกับวิ่งตัวเปล่า การเปลี่ยนทิศทางบอลก็ลื่นไหล วิชั่นการอ่านเกมยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากได้คนที่ตามกันทัน เมสซี่จะเป็นคนที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำไป และสำคัญที่สุดคือทักษะการจบสกอร์ที่เรียกได้ว่าแค่เห็นการง้างก็แทบจะใส่สกอร์รอเลยก็ยังได้
เราอยากให้ทุกคนนึกถึงฉากที่เมสซี่เลี้ยงบอลป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษของคู่แข่ง จากนั้นทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีมที่เซนส์ทันกันสักคน (ซึ่งในที่นี้ขอยกชื่อ หลุยส์ ซัวเรซ เพื่อให้เห็นภาพ) จากนั้นเขาได้บอลอยู่ที่หัวกะโหลกกลางประตู และเมื่อบอลเข้าเท้าซ้าย เมสซี่ก็เริ่มเอียงตัวตั้งท่าจะยิง จากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีก็ "โป้ง" เขาจะยิงบอลไปที่ด้านกว้างโค้งเสียบมุมไปตามสไตล์ ไม่ว่าจะยิงโด่งหรือยิงเรียด ลูกยิงแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนดูจำได้และคิดว่ามันทำได้ง่ายๆไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วนอกจากการเห็นด้วยตาเปล่าและการตัดสินด้วยมุมมองของแต่ละคนแล้ว เมสซี่ยังทำในสิ่งที่เป็นมาตรฐานใหม่ที่โลกฟุตบอลไม่เคยมี ไม่ใช่เรื่องของบัลลงดอร์ (ที่เขาก็ได้มากที่สุด 6 สมัย) แต่มันคือเรื่องของการยิงประตูที่เยอะจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นในโลกแห่งความจริงได้ เรื่องราวเกิดขึ้นต้องย้อนกลับไปในปี 2012 ซึ่งปีนั้น เมสซี่ยิงประตูให้บาร์เซโลน่า และทีมชาติอาร์เจนติน่า ไปทั้งหมด 91 ลูก ใน 1 รอบปฎิทิน ทำลายสถิติเดิมของ แกร์ด มุลเลอร์ ที่ยิงให้บาเยิร์น มิวนิค กับทีมชาติเยอรมัน รวม 85 ลูก เมื่อปี 1972 ไปอย่างราบคาบ
น่าแปลก เพราะทั้งๆที่มีคนบอกว่าฟุตบอลพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ระดับความห่างของแต่ละทีมก็ขยับเข้าหากัน ไม่ค่อยมีที่ว่างให้การถล่มกันเละเทะง่ายๆทุกเกม แต่ทำไมเมสซี่จึงทำเช่นนั้นได้? แถมยังดูเหมือนกับทำได้ง่ายๆอีกต่างหาก ฟอร์มของเขาในปี 2012 บอกทุกอย่างได้อย่างชัดเจน สถิตินี้คงจะอยู่ไปอีกยาวนานกว่าจะมีใครสักคนมาทำลายมัน นอกเสียจากว่าคุณจะเสียบจอยหรือเข้าไปเล่นเองในเกม..
แต่คุณคิดว่ามันทำได้ง่ายๆอย่างนั้นหรอกหรือ? เราลองไปดูกันว่าเกมฟุตบอลดังเกมไหนบ้างที่จะสามารถถอดเอาเมสซี่ตัวจริงมาใส่ไว้ในเกมได้บ้าง?
เก่งเกินพลังในเกม
หากว่าเกมคือโลกอีกใบที่คอยเติมเต็มในสิ่งที่โลกแห่งความจริงไม่สามารถทำได้ ลิโอเนล เมสซี่ ควรจะต้องเก่งประมาณไหน?..
ถ้าเป็นในเกม Football Manager หรือ FM นั้นต้องบอกว่า หากไม่ได้โกงหรือเล่นกันแบบเกมให้มาเท่าไหร่ก็ใส่ไปเท่านั้น รับรองได้ว่าแทบไม่มีโอกาสทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในตัวเกมภาค 2020 นั้น การที่นักเตะคนหนึ่งจะยิงในลีกระดับท็อปให้เกิน 40 ประตูภายในปีเดียวนั้นต้องใช้คำว่า "ยากสุดๆ" เพราะความละเอียดหลากหลายอย่าง รวมถึงการประมวลผลของ AI ของภาคนี้ ที่ทำให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยากกว่าเดิม เรียกได้ว่าแม้เมสซี่จะมีค่าพลังปัจจุบัน (CA - Current Ability) มากที่สุดในเกม แต่ระดับความห่างชั้นกับนักเตะคนอื่นๆที่อยู่ในระดับแถวหน้าของเกมนี้ก็ยังถือว่าไม่มากเท่าไรนัก จึงทำให้ยากที่จะได้เห็นภาพของเมสซี่ทำหน้าที่เครื่องจักรยิงประตูได้แบบเก่า
ยกตัวอย่างให้พอเห็นภาพชัดๆ คือค่าพลังการเลี้ยงบอลของเมสซี่ที่อยู่ที่ 20 นั้น เมื่อโดนเอามาหักลบกับกองหลังคู่แข่งที่ค่าพลังการตัดสินใจ (Decision), เข้าปะทะ (Tackling) และประกบตัว (Marking) ในระดับที่เกิน 15.. เมสซี่ก็จะเจองานยากขึ้นไปโดยปริยาย การเลี้ยงหลบที่ทำได้แบบง่ายดายในโลกแห่งความจริงก็จะทำได้ยากขึ้น อาจจะมีจังหวะแหวกให้เห็นบ้าง แต่ว่านานๆจะได้เห็นสักครั้ง ซึ่งตัวผู้เขียนเคยลองคุมบาร์เซโลน่าในเกม FM 2020 มาแล้ว 1 ฤดูกาล โดยให้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ ผลที่ออกมาคือเมสซี่ยังคงมีประสิทธิภาพในการเล่นเกมรุกในแบบที่ใครเทียบได้ยาก ทว่าหากวัดกันตามสถิติแล้ว เขายิงในลีกได้เพียง 16 ประตู และทำไปอีก 14 แอสซิสต์เท่านั้น
ในส่วนนี้น่าจะคำนวณเกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมไปด้วย เพราะย้อนกลับไปในปี 2012 ที่เขายิงได้ 91 ลูกนั้น องค์ประกอบทีมบาร์ซ่าถือว่าครบเครื่องที่สุด รอบกายในแผงหน้ามีนักเตะอย่าง ดาบิด บีย่า, เชส ฟาเบรกัส แดนกลางมี 3 เทพอย่าง ชาบี เอร์นันเดซ, อันเดรียส อิเนียสต้า และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และสำคัญที่สุดคือวิงแบ็กฝั่งขวาอย่าง ดานี่ อัลเวส ที่เล่นเข้ากันกับเมสซี่ได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย คือองค์ประกอบความเข้าใจและเข้าขา เมสซี่รู้ว่าจ่ายบอลไปตรงนี้แล้วเขาจะไปทางไหน หรือเมื่อเพื่อนคนนี้ได้บอลเขาควรจะเคลื่อนที่อย่างไร ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกมเลียนแบบไม่ได้
โดยทฤษฎีนี้ยังถูกนำไปทดสอบโดยเกมเมอร์ชาวอเมริกันรายหนึ่งที่ชื่อ ไรอัน อัลเลน โดยตัวของอัลเลนนั้นจัดการใช้โปรแกรมแก้ไข (ซึ่งหลายครั้งก็มักถูกครหาว่า โกง) อย่าง In Game Editor เพื่อย้ายตัวเมสซี่จากบาร์เซโลน่า ไปเล่นให้กับสโมสร Madison ทีมในลีกทูของสหรัฐอเมริกา (USL League Two)
ผลสรุปคือ เมสซี่ที่ค่าพลังขี่เพื่อนร่วมทีมมิดสามารถแบกทีมไปคว้าอันดับ 1 มาครองได้สำเร็จ ทว่าในส่วนของผลงานส่วนตัวนั้น เมสซี่ยิงได้ทั้งหมด 17 ลูกจากการลงสนาม 18 นัด ซึ่งจะได้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่เกมละ 1 ประตูโดยประมาณ นั่นถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับเมสซี่ตัวจริง ที่แม้เล่นในลีกที่แข็งแกร่งอย่างลา ลีกา สเปน แต่ก็ยิงประตูมากกว่าการลงสนาม (ในเกมลีก) ได้ถึง 5 ฤดูกาล แถมบางปียังยิงหลักถึง 40-50 ประตูเลยก็มี
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อจับเมสซี่มาใส่ในลีกที่ถือว่าอ่อนสุดๆ แม้ว่าค่าพลังของเขาจะโดดเด่นเกินนักเตะคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น ถึงแม้จะยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถยิงประตูได้มากกว่าการลงสนามเหมือนที่ทำได้ในโลกแห่งความจริงเลย
สุดท้ายแล้ว FM ไม่สามารถเซ็ตค่าพลังเมสซี่ให้โดดเด่นและโกงเว่อร์เหมือนกับสิ่งที่เขาทำได้จริงๆ (เปรียบเทียบกับปีที่ดีที่สุด) เพราะองค์ประกอบของค่าพลังของผู้เล่นคนอื่นๆที่ไม่ได้หนีกันมากนัก อีกทั้งยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการเซ็ตระบบการเล่นของทีมไหนสักทีมให้เล่นได้อย่างบาร์เซโลน่าชุดนั้นเลย อย่างดีที่สุดคือการใช้แผน "บัก" ซึ่งเป็นแผนที่เหล่าโปรเกม FM สามารถเจาะจนทะลุและทำให้แผนนั้นลงล็อก ใช้กับทีมไหนก็ชนะเท่านั้น ซึ่งเอาจริงต่อให้บักแล้วก็เถอะ การจะปั้นนักเตะคนเดียวให้ยิงทั้งปี 91 ลูก หรือแม้กระทั้ง 50 ลูก ก็เป็นอะไรที่ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาอยู่ดี
แล้วในเกมสายคอนโทรลล่ะ?
มาที่เกมสายคอนโทรลนักเตะอย่าง FIFA หรือ PES กันบ้าง ในส่วนของเกมเช่นนี้นั้น มีโอกาสที่จะทำให้เมสซี่ยิงประตูได้เยอะเป็นกอบเป็นกำมากกว่าใน FM เพราะในเกม FIFA และ PES นั้นขึ้นอยู่กับคนบังคับ ขณะที่ในส่วนของ FM นั้นต้องใช้ AI คำนวนผลการแข่งขันโดยรวมออกมา ซึ่งจะวิเคราะห์จากหลายองค์ประกอบมากกว่านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่าง่ายนั้น ก็ยังไม่ง่ายพอที่จะทำให้เมสซี่ในเกมเก่งกว่าตัวจริงได้อยู่ดี เพราะส่วนสำคัญของเมสซี่คือเซนส์บอล อย่างที่เราเห็นเขาลงสนาม เมสซี่มักจะไวกว่าคู่แข่ง 1 จังหวะเสมอ บางครั้งเหมือนจะโดนแย่งในอีกไม่กี่เสี้ยววินาที แต่เขากลับพลิกบอลไปอีกทางได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในเกมนั้นถึงแม้ค่าพลังของเมสซี่จะมากที่สุดในเกม แต่สุดท้ายการจะให้ลากผ่าน 2 ผ่าน 3 ในตัวเกมภาคหลังๆที่มีการปรับสมดุลเรื่องการเลี้ยงบอลขึ้นมา เพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้เล่น ดังนั้นภาพของการใช้โรนัลโด้ (R9) ลากหลบกองหลังคนแล้วคนเล่าเข้าไปยิงประตูง่ายๆ แบบที่เคยเห็นกันบ่อยๆในวินนิ่งภาคเก่าๆ จึงไม่มีอีกแล้วในตัวเกม PES และ FIFA ยุคปัจจุบัน
วรวิช อนันตรักษ์ หรือ Arm_Akanichi นักแข่งอีสปอร์ตชาวไทย กัปตันทีม PES ของ MS Chonburi ยืนยันว่าเป็นเรื่องยากมาก ไม่ว่าจะเล่นกับผู้เล่นที่ฝีมือระดับเดียวกันหรือแม้แต่การดวลกับ AI ที่ปรับระดับยากที่สุดก็ตาม
"คือด้วยตัวเกมของภาคนี้ เมสซี่อาจจะบังบอลและถูกแย่งบอลได้ยากมากเหมือนกับของจริง แต่ถ้าเลี้ยงขึ้นมาแล้วเจอตัวประกบอย่าง ราฟาเอล วาราน, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ คาลิดู คูลิบาลี่ แล้วก็จะแพ้เรื่อง Physical (ความแข็งแกร่งของร่างกาย) ที่เมื่อโดนชนแล้วบอลแทบจะหลุดจากเท้าทันที" Arm_Akanichi ให้ความเห็นในมุมมองของเขา
นอกจากนี้ยังตอบคำถามว่า "ถ้าให้เขาเล่นบาร์เซโลน่าในระบบลีก จะสามารถใช้เมสซี่ยิงประตู AI ได้เกิน 60 ลูกต่อ 1 ฤดูกาลได้ไหม?" โดยเจ้าตัวยอมรับว่า "เป็นไปได้ยาก" หรือมากถึงขั้นเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
"ไม่น่าเป็นไปได้เลยครับ (ใช้เมสซี่ยิง 60 ลูกขึ้นไปในซีซั่นเดียว) ด้วยเหตุผลที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ด้วย แล้วอีกอย่าง AI ก็เก่งมากๆ ไม่ใช่จะเอาชนะกันได้ง่ายๆเลย"
อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่คล้ายตัวจริงคือ แม้ตัวเกม PES ภาค 2020 จะยิงไกลเข้ายากมาก แต่ถ้าเป็นเมสซี่ได้จังหวะยิงนอกกรอบแบบเข้าข้อแล้วล่ะก็ โอกาสที่บอลจะเข้าประตูก็มากถึง 90% นี่คือคำยืนยันอีก 1 อย่างจากกัปตันทีมของ MS_Chonburi
ด้านฟากเกม FIFA นั้น ในเว็บบอร์ดของเกม FIFA ในเว็บไซต์ Reddit.com ก็เคยมีการถกเรื่องการเลี้ยงบอลในตัวเกมภาคใหม่ๆว่าเลี้ยงบอลและล็อกหลบคู่แข่งได้ยากขึ้น แม้จะใช้เมสซี่ก็ยังไม่สามารถใช้ความโกงทำประตูได้ง่ายๆ ซึ่งการล็อคแบบทันทีทันใดนั้นส่งผลในเรื่องการสร้างโอกาสการจบสกอร์ของเมสซี่โดยแท้จริง และนั่นทำให้ไม่ว่าจะเกมไหนก็ยากที่จะเลียนแบบความเก่งของเมสซี่ในวันที่พีกที่สุดได้
จะเห็นได้ว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาที่ไม่สามารถทำให้เมสซี่ในเกมเก่งเท่าตัวจริงคือ "ค่าพลัง" ที่นอกเหนือจากเรตติ้งส่วนอื่นๆในเกมที่ไม่สามารถเติมเข้าไปได้ ทั้งเรื่องของความเข้าใจเกม, ความเข้าอกเข้าใจกันของเพื่อนร่วมทีม และการเคลื่อนที่ไวกว่าคนอื่น 1 จังหวะ ล้วนเป็นสิ่งที่แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ นอกจากมีการปรับพลังให้โกงให้สุดในทุกๆด้านไปเลยนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ในความเข็นครกขึ้นภูเขา ทำให้เมสซี่เก่งเท่าตัวจริงให้ได้นี้ อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้หากให้ลองใช้ผู้เล่นอีสปอร์ตระดับโลกมาลองบังคับเมสซี่ดู ไม่แน่เมื่อนักเตะที่ดีที่สุดในเกมอยู่ในการบังคับของผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก อาจจะเปลี่ยนแปลงทฤษฎีดังกล่าวก็เป็นได้...
August 21, 2020 at 11:39AM
https://ift.tt/3l51lnV
PES-FIFA-FM ต้องสยบ : ทำไมเกมฟุตบอลจึงไม่สามารถสร้าง "เมสซี" ให้เก่งเท่าตัวจริงได้? - Sanook
https://ift.tt/3gTzIfw
Bagikan Berita Ini
0 Response to "PES-FIFA-FM ต้องสยบ : ทำไมเกมฟุตบอลจึงไม่สามารถสร้าง "เมสซี" ให้เก่งเท่าตัวจริงได้? - Sanook"
Post a Comment